วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผักบุ้งของหนูๆ ...

เรื่องราวต่างๆ นาๆ ที่ผมได้สัมผัสจากตัวเอง..
ผมเห็นความจริงใจที่ได้ฟังคำพูดจากความรู้สึกของเด็กๆ
ความเหมือนที่แตกต่าง ในมุมมองแต่ละมุม ย่อมไม่เหมือนกัน
ผมเชื่อว่า "ทุกสิ่งย่อมมีคุณค่าในตัว" ...

เรื่องราวของ "ผักบุ้ง" ..

เรื่องราวบางส่วนจากบันทึกความสุข
พี่นุ ชั้น ป.6 เขียนมาส่งให้ผมตรวจในช่วงเปิดเรียน Quarter 2 ผมสงสัยว่าทำไมพี่นุถึงเขียนบทกลอนเรื่องผักบุ้งนี้ขึ้นมา เขาบอกกับผมว่า.."ผมไปอ่านกลอนบทหนึ่งมา ทำนองคล้องจองดี ผมเลยแต่งขึ้นมาใหม่ให้เกี่ยวกับผักบุ้งที่ผมปลูกไว้กินที่บ้านครับ" พี่นุอธิบายให้ผมฟัง...

เด็กน้อยผู้ที่จะนำผักบุ้งเพียงใบเดียวไปฝากคุณแม่
พี่เช็ค ป.1 ดำนาอยู่ท้องทุ่งแปลงนาของโรงเรียนด้วยกันกับผม ในขณะนั้นเอง เขาก็เอื้อมมือไปเด็ดยอดผักบุ้งที่เลื้อยลงมาในนา ผมจึงถามว่าจะเก็บผักบุ้งไปให้ใครครับ พี่เช็คบอกผมว่า "ผมจะเก็บเอาผักบุ้งไปให้แม่ทำกับข้าวครับ" คุณค่าที่สะท้อนจากความใสๆ ของเด็กน้อย...

ผักบุ้งของเด็กชายมือขวา
พี่เหน่ง ป.3 ผมดำนาอยู่ใกล้ๆ กับพี่เหน่ง ผมสังเกตทุกอริยบทที่เขาทำกิจกรรม เขาเดินเก็บเด็ดยอดของผักบุ้งด้วยมือเพียง 1 ข้าง แล้วนำแต่ละยอดมารวมไว้ที่หน้าเสื้อที่ใช้ปากกัดขอบชายเสื้อเอาไว้.. ครั้งหนึ่งผมสังเกตุเชือกรองเท้าเขาหลุดผมก็เลยบอกให้เขาผูกเชือก เขาบอกผมว่าผมไม่สามารถผูกได้ครับคุณครู ผมจึงช่วยเขาผูกเชือกรองเท้า!! ...

-------------*****------------------
กลับบ้านเย็นนี้ผักบุ้งสดๆ จากความตั้งใจของเด็กๆ คงได้เป็นอาหารมื้อค่ำที่แสนอร่อยลิ้น คลุกเคล้าเรื่องราวการดำนาที่ได้ทำ จากเสียงใสๆ ที่จะบอกเล่าให้ทุกคนที่บ้านฟัง...

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

...แม่...

แม่...ผู้หญิงคนหนึ่งที่รักและปรารถนาดีกับเรามากที่สุดในโลก



แม่จ๋า...อยากบอกว่า "รักแม่ที่สุดในโลก"

เพลินเพลงบรรเลงขิมเพราะๆ



เพลินเพลงบรรเลงเพลงขิม
ฟังแล้วแอบบยิ้มชื่นใจหนา
มือน้อยๆ ค่อยตวัดพิจารณา
ทั้งซ้ายและขวาร่วมช่วยกัน
เสียงเพลงเพลินขิมจากเด็กน้อย
เฝ้าคอยเพียรหัดตามความฝัน
ฝึกเพลงบรรเลงด้วยใจมั่น
สักวันฝันนั้นสำเร็จเอย

------
เห็นความพยามยามของเด็กๆ ในการเล่นดนตรีไทยอย่างขิมแล้ว ก็อดชื่นชมในความพยายามนั้นเสียมิได้
"แม้มันจะยาก แต่หนูเชื่อว่าหนูจะทำได้ค่ะคุณครู"
เห็นความมุ่งมั่นเต็มที่อย่างนี้ คุณครูเชื่อเหลือเกินว่าหนูจะทำได้ คุณครูเป็นกำลังใจให้นะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เสียงฝนพรำ...


กลางดึกสะงัดของค่ำคืน ฉันได้ยินเสียงฝนพรำ..
นก กา และสัตว์ต่างๆ นานา พากันออกมาร่ายรำกันอย่างเฮฮา
ฉันได้ยินเสียงฝนตกกระทบหลังคาอย่างมีความสุขในเวลานนั้น
ฉันได้ยินเสียงอึงอ่าง กบ เขียด หรือกระทั่งจิ่งหรีดเรไรร้องระงม
ฉันได้ฟังเสียงของสายลมที่พัดมากระทบต้นไม้ พร้อมกับเสียงฟ้าร้อง...

ฉันเดินออกไปนอกห้องก้าวแรก..
ฉันได้สัมผัสกับสายลมที่เย็นฉ่ำ มาพร้อมกับละอองฝนเม็ดเล็กๆ มากระทบใบหน้า
ฉันไม่กลัวที่ตัวเองจะเป็นหวัด ฉันมีความสุขในตอนนั้น...

ฉันย้อนกลับย้อนมองอดีต เมื่อคราวฉันเป็นเด็ก ฉันมีความสุขที่โดนฝนตกกระทบ
คุณแม่ของฉันมักเข้ามาห้าม เมื่อฉันเล่นกับสายฝน เพราะกลัวฉันจะเป็นหวัด
ตอนนี้ฉันเล่นสายฝนได้อย่างระลื่น พร้อมคิดถึงคุณแม่ที่เคยพร่ำเตือนฉันเมื่อครั้งยังเยาว์...
.

ไม่สงสารต้นหญ้าเหรอคะ


เย็นวันหนึ่ง
น้องอั้ม นักเรียนชั้นอนุบาล 1 ได้มานั่งรอพี่ๆ เพื่อนๆ ที่มารถตู้คันเดียวกันเพื่อกลับบ้าน บริเวณสวนใกล้ๆ กับลานจอด
ระหว่างที่รอนั้น น้องอั้มบังเอิญมองไปเห็นน้าหนิงซึ่งเป็นคนขับรถตู้ กำลังเดินลัดสนามหญ้าในสวนเข้ามาหาเธอ
น้องอั้ม : น้าหนิงขา ไม่สงสารต้นหญ้าเหรอคะ
น้าหนิง : ทำไมล่ะคะน้องอั้ม
น้องอั้ม : ก็ต้นหญ้าเขาอยู่ของเขาดีๆ น้าหนิงก็ไปเหยียบเขา ทั้งที่ทางเดินก็มี ทำไมน้าหนิงไม่เดินล่ะคะ
น้าหนิง : (อึ้งสักครู่) งั้นสองก้าวที่ผ่านมาน้าหนิงขอโทษนะคะ น้าหนิงขอเดินถอยหลังเพื่อกลับไปเดินตามทางเดินนะคะ
น้องอั้ม : ค่ะ (ด้วยใบหน้าราบเรียบนิ่งเฉย)
...........
แต่น้าหนิงของเราสิคะ เธอไม่ได้นิ่งเฉยเฉย เพราะวันต่อมาน้าหนิงรีบเดินเข้ามาบอกกับครูของน้องอั้มว่า "เมื่อวานอายเด็กมากค่ะคุณครู" แล้วเธอก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง พร้อมรอยยิ้มอย่างเอ็นดูเด็ก

*** เด็กๆ ก็เหมือนผ้าขาวค่ะ ข้อมูลดีๆ ด้านบวกที่เขาได้รับจะค่อยๆ ซึมซับเพื่อนำมาใช้จริงและพร้อมจะถ่ายทอดเมื่อมีโอกาสดีๆ เสมอ
เราในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ อย่าพึ่งเหนื่อยหน่ายที่จะช่วยกันเติมสิ่งที่ดีๆ ให้กับความเจริญงอกงามของอนาคตนะคะ ***

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ใบไม้ต้นเดียวกัน


เราคือใบไม้ต้นเดียวกัน เราคือใบไม้ต้นเดียวกัน
เวลามีมาให้เราได้ใช้ร่วมกัน
เราคือใบไม้ต้นเดียวกัน

เราคือลูกคลื่นทะเลเดียวกัน เราคือลูกคลื่นทะเลเดียวกัน
เวลามีมาให้เราได้ใช้ร่วมกัน
เราคือลูกคลื่นทะเลเดียวกัน

เราคือดวงดาวฟ้าเดียวกัน เราคือดวงดาวฟ้าเดียวกัน
เวลามีมาให้เราได้ใช้ร่วมกัน
เราคือดวงดาวฟ้าเดียวกัน


The leaf of one tree

We are the leaf of one tree. We are the leaf of one tree.
The time has come for all to live as one.
We are the leaf of one tree.

We are the wave of one sea. We are the wave of one sea.
The time has come for all to live as one.
We are the wave of one sea.

We are the star of one sky. We are the star of one sky.
The time has come for all to live as one.
We are the star of one sky.

มีโอกาสในรู้จักบทเพลงเพราะๆ ที่มีความหมายดีๆ นี้ จากการอบรมในคราหนึ่ง โดยคณะภิกษุ และภิกษุณี จากหมู่บ้านพลัมของประเทศไทย (บทเพลงแห่งหมู่บ้านพลัมนี้ เป็นบทเพลงภาวนาเพื่อฝึกให้มีสติ เรียกลมหายใจให้กลับมาอยู่กับตัวเอง)



แรกๆ ที่ได้ยิน ได้สัมผัสเสียงบทเพลงที่ก้องกังวานของเหล่าภิกษุ และภิกษุณี ถึงกับขนลุกซู่ด้วยความศรัทธาอย่างจับใจทันที

.....เราคือใบไม้ต้นเดียวกัน

.....เราคือลูกคลื่นทะเลเดียวกัน

.....เราคือดวงดาวฟ้าเดียวกัน...


ไม่รู้หรอกว่าในการอบรมครานั้น แต่ละคนคิดอะไร ได้อะไรจากบทเพลงนี้

แต่สำหรับฉันแล้ว...เพลงบทนี้ ทำให้ฉันได้คิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองจนเกิดความซาบซึ้งว่า...ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้มีส่วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

...ไม่มีใครสำคัญกว่าใคร เพราะเราต่างมีความสำคัญที่ต่างกัน แต่ถึงที่สุดแล้ว "เราก็คือหนึ่งเดียวกัน"...


ด้วยบทเพลงนี้ทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่า.....

สรรพสิ่งต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งซึ่งกันและกัน
เราสามารถคิดถึงเรื่องเล็กน้อย แล้วใจเรามีความอิ่มเอมได้
เราสามารถคิดถึงคนอื่นด้วยใจปรารถนาดี แล้วใจเรามีความสุขได้
เราสามารถไหว้ เพื่อเคารพซึ่งกันและกันได้อย่างจริงใจ
เราสามารถชื่นชมใคร ๆ ได้ด้วยหัวใจของเรา
เราสามารถขอบคุณใครๆ ได้อย่างมั่นใจ ไม่เขินอาย
เรารู้จักกล่าวขอโทษทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา แม้เพียงเรื่องเล็กน้อย
และเราสามารถมอบความรัก ความห่วงใย ความเอาใจใส่ต่อสรรพสิ่งรอบตัวเช่นเดียวกับเรารักตนเอง ดูแลตนเอง เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา

...เวลามีมาให้เราได้ใช้ร่วมกัน
เวลาที่มีค่า อย่าปล่อยให้ผ่านเลยไป โดยที่เราไม่ได้สนใจสรรพสิ่งรอบข้าง เพราะเราต่างก็มีความหมาย ความสำคัญ ต่อกันและกัน
ใช้เวลาที่เหลืออยู่ดูแลเราและเขา

.......................******************........................

คิดได้อย่างนี้ทำให้รู้สึกอิ่มใจจัง


ขอบคุณบทเพลงดีๆ ที่ทำให้ดวงตา ดวงใจ มองกว้างไกลกว่าเดิม
และขอบคุณวัน เวลา ที่ทำให้เราได้ใช้ร่วมกัน


สวัสดียามเช้า

สวัสดีดวงตะวัน
ขอบคุณที่เราได้พบเจอกันวันนี้
อยากไถ่ถาม...เป็นอย่างไรบ้าง สบายดี..
ส่งความห่วงใยที่มีมาทักทาย

แม้เป็นเพียงคำถามเก่าๆ
ปรารถนาให้ความหมองเศร้าห่างหาย
เช้าแล้ว...ยิ้มรับวันใหม่...ด้วยใจสบาย
ผ่อนคลาย...รับสุข...ทุกอรุณ