วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ยามเมื่อสายลมหนาว....มาเยือน

 
ลมโยกโบกสะบัดตวัดไหว
ลมเอ๋ยลมมาแต่ไหนไยโยกทั่ว
สายลมม้วนทักทายส่งเสียงรัว
วิ้ว วิ้ว วู้ ดังถ้วนทั่ว สะท้านกาย

ลมเอ๋ย ลมพัดไหว กายหนาวสั่น
หยิบเสื้อหนา สวมพลัน ผ่อนหนาวหาย
ผ่อนความหนาวความเย็นให้คลี่คลาย
ห่อหุ้มกาย ให้อุ่นไว้ อบอุ่นเอย

"แฟชั่นในวันที่อากาศหนาวค่ะ"

เปิดเรียนแล้วนะ

.....ตื่นเต้น และ ดีใจ จัง.....

ดีใจ...จะได้พบกัน
แสนสุขสันต์ ต่างยินดี
คุณครู เด็กๆ แสนสุขขี
พ่อแม่เปรมปรีดิ์ ต่างยินดีที่ได้มาเจอกัน

ยิ้มแย้ม รอยยิ้มที่สดใส
ยิ้มให้กันด้วยใจ ที่สุขสันต์
ถามข่าว ความเป็นไป เมื่อเจอกัน
เรื่องนั้น เรื่องนี้ ที่เจอมา

เรื่องราวมากมายถูกถ่ายทอด
อ้อมกอดอบอุ่น ที่คุ้นหนา
ยินดีต้อนรับการกลับมา
ร่วมสร้างร่วมพาสิ่งดีงาม

" เปิดเรียนสัปดาห์แรกของ Quarter 3 ปี 2553"

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำ...เดินทางไปไหน

น้ำ...ที่เคยไหลล้น
น้ำ...สีหม่นๆ เริ่มลดหาย
น้ำ...เจ้ากำลังจะจากไป
น้ำ...จะเดินทางไปไหน อยากรู้จัง

น้ำ...เดินทางไปเรื่อยๆ
น้ำ...ไหลเอื่อยๆ ทิ้งเบื้องหลัง
น้ำ...จากไป อยู่ที่ไหนนะ ฟากฝั่ง
น้ำ...ไหลไปยัง เป้าหมายใด ไม่รู้เลย

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำ...กำลังจะไป

จาก 19 ตุลาคม ที่น้ำมา
อาบผืนหญ้า ผืนดินที่โรงเรียน
สายน้ำไหล แวะมาพัก มาเยี่ยมเยียน
ที่โรงเรียน "ลำปลายมาศพัฒนา"

มาวันนี้ วันที่แสงแดดอุ่น
น้ำที่หนุน ค่อยๆ ลด วันที่ 25
เริ่มมองเห็นพื้นถนนที่คุ้นตา
น้ำที่เราแบ่งรับมาเริ่มลดลง

เมื่อ...น้ำ...มา


กลางเดือนตุลาคม สายฝนพร่างพรู
ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงค่ำ
ฝนสาด ฝนเซ เทกระหน่ำ
สายฝนพรำๆ ทั้งคืนและวัน

รุ่งเช้าของอีกวันใหม่
ตื่นมาตกใจ เอ๊ะ! อะไรนั่น
สายน้ำไหลรวมกันเร็วพลัน
ไหลบ่าถนนสายนั้นที่เคยเดิน

จากถนนที่เคยเดินอย่างเคยคุ้น
กลับมีปลาว่ายชุลมุน อย่างเพลิดเพลิน
น้ำมา ปลาสนุก ซะเหลือเกิน
ต้องเปลี่ยนทางเดิน หลบหลีกไป

สายน้ำเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ
เอื่อยๆ ช้าๆ ระยิบไหว
ลำปลายมาศพัฒนา ปล่อยน้ำไหล
เข้าโรงเรียนเร็วไว เพราะอยากแบ่งปัน

ไม่กั้นกระสอบทรายรายล้อม
ยินดีที่จะน้อมรับน้ำนั่น
หวังแบ่งเบา ทุกข์ภัย นี้ร่วมกัน
หวังอย่างนั้นด้วยตั้งใจ

ไหลมาเถิดนะ เหล่าสายน้ำ
ความบอบช้ำ เราพร้อมจะรับไว้
แบ่งปัน กันและกัน ด้วยเข้าใจ
พร้อมห่วงใย คนอยู่ปลายสายธารา

สายน้ำไหลเอื่อยๆ
อย่างเฉื่อยๆ และช้าๆ
ไหลผ่านคืนวัน เวลา
ไหลมา เพื่อไหลผ่านไป

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โรงเรียน...น้ำท่วม

กลางเดือนตุลาคม 2553
ช่วงที่ครูและนักเรียนปิดภาคเรียนที่ 1

   ทุกครั้งที่ดูข่าวในช่วงนี้หลายจังหวัดเกิดอุทกภัยน้ำท่วม หลายฝ่ายต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกันและกัน ได้เห็นบรรยากาศความรัก ความสามัคคี ของคนไทยด้วยกันอีกด้าน ในหลวงก็ได้พระราชทานเงินส่วนพระองค์ลงมาช่วยเหลือหลายพื้นที่ ทำให้ปวงชนที่ได้รับน้ำพระทัยจากพระองค์ท่านปลาบปลื้มปิติทั่วหน้า..

   โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์ ของเรา ก็หนีไม่พ้นน้ำท่วม น้ำเริ่มหนุนทะลักเข้าช่วงวันที่วันที่ 18 ตุลาคม ทำให้พื้นที่ของโรงเรียนหลายแห่งจมอยู่ใต้น้ำ แม้ว่าฝนเริ่มหยุดตกมาหลายวันแล้วก็ตาม..

ภาพบรรยากาศน้ำท่วมที่โรงเรียน

 บริเวณหน้าบ้านพักครูใหญ่
    ช่วงบ่ายโมงของวันที่ 17 ตุลาคม ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ผมคิดว่าน้ำคงจะท่วมหลายพื้นที่ของโรงเรียนแน่ๆ แต่พอฝนหยุดตก น้ำกับไม่มีเหลือไว้ท่วมเท่าที่ผมคิดเอาไว้ก่อนหน้า แต่พอมาถึงวันที่ 18 ตุลาคม ฝนตกปรอยๆ ทั้งวันแต่น้ำกลับเริ่มหนุนมาเรื่อยๆ น้ำทะลักเข้ามาด้านหลังบริเวณหน้าบ้านพักครูใหญ่..

 บริเวณถนนฝั่งบ้านพักคุณเจมส์(ผู้สนับสนุนงบประมาณโรงเรียน)
     ถนนด้านหลังของโรงเรียนน้ำหนุนเข้ามาเร็วกว่าทุกบริเวณ เพราะอยู่ใกล้คลองลำมาศ ทำให้คลองที่เหือดแห้งมาเกือบตลอดทั้งปีเอ่อล้นไปด้วยน้ำ..

ท้องทุ่งข้าวอันเขียวขจีของเรา
    ต้นข้าวที่กำลังออกร่วงข้าวอ่อนๆ และผักบุ้งมากมาย(แหล่งอาหารอร่อยๆ ของคุณครูหลายท่าน) ก็หนีไม่พ้นกับน้ำท่วมในครั้งนี้ รวมทั้งหมูป่าของเรา สัตว์ต่างๆ นานาในท้องทุ่งต่างว่ายน้ำ เล่นน้ำอย่างหรรษา บางชนิดร้องระงมตลอดทั้งคืน พวกเขาอาจจะขอบคุณกับน้ำท่วมในครั้งนี้..

 ทิวสน..ฝั่งรั้วอีกด้านของโรงเรียน
    ผมเคยเขียนเรื่องหมอกยามเช้าผ่านภาพนี้ แต่ก่อนนั้นพื้นถนนราบเรียบไปด้วยใบสนที่ปกคลุมถนน ขณะในภาพนนี้มีแต่น้ำที่ท่วมถนนที่ราบเรียบแต่ก่อน ต้นกล้วย ต้นฝรั่งและต้นมะเขือ ก็ต่างร่ายรำตามสายลมไหวมา เพียงแตกต่างกันที่..การเต้นรำคราวนี้ได้มองสะท้อนลีลาของต้นสนผ่านกระจกบานใหญ่จากธรรมชาติ..กระจกแห่งสายน้ำ

ด้านข้างบริเวณบ้านพักครูผู้หญิงและคีตนคร
    น้ำหนุนขึ้นโดยตลอดจากวันที่ 18 ตุลาคม จนถึงวันนี้น้ำก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด หนุนขึ้นมาที่ละน้อย ทีละน้อย เรื่อยๆ พี่หมูป่าและโรงรถของคุณครูก็ต้องย้ายหาที่อยู่ที่ปลอดภัย โดยรถต้องนำมาจอดไว้ในบริเวณลานจอดรถฝั่งอีกด้านของโรงเรียน ซึ่งบริเวณนี้น้ำยังหนุนมาไม่ถึง..

   จนถึงวันนี้ผมก็ยังได้ยินข่าวน้ำท่วมมีเพิ่มขึ้นทุกจังหวัด บางอำเภอถูกเรียกว่าเมืองบาดาลซึ่งผมฟังดูแล้วมันแรงมากกับความรู้สึก ผมเคยสัมผัสกับเหตุการณ์น้ำท่วมมาครั้งหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ทรมานมากกับการใช้ชีวิตให้เป็นปกติ แต่ครั้งนั้นทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะผ่านมันมาไม่ได้ แต่กลับผ่านมาได้..

  มีครูหลายท่านสงสัยว่าทำไมครูใหญ่ท่านถึงไม่สั่งให้คนงานที่โรงเรียนฯ ขนกระสอบทรายมากั้นบริเวณน้ำทะลักเข้ามาและบริเวณบ้านพักต่างๆ ทุกหลัง ครูใหญ่ท่านโพสรูปน้ำท่วมและข้อความอธิบายไว้ว่า "กลางเดือนตุลาคม น้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัด มีคนจำนวนมากมายได้รับความเดือดร้อน เช้าวันที่ 21 ตุลาคม 2553 น้ำได้เอ่อท่วมโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา เราไม่ได้กั้นกระสอบทราย ด้วยหวังว่าน้ำทุกลูกบาศก์เมตรที่เรารับไว้จะช่วยลดความรุนแรงให้กับคนที่อยู่ปลายน้ำได้บ้าง ** เราอยากร่วมรับทุกข์นั้นไว้ด้วย **"

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แสดงละคร "หงายกะลา ' 53" ...

7 ตุลาคน 2553
วันสรุปงานสิ้นภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553

    นักเรียนแต่ละระดับชั้นประถมศึกษาแต่งตัวเตรียมทำกิจกรรม แต่ละชั้นจัดคิวการแสดงที่แตกต่างกัน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นำเสนอการแสดงในท้องเรื่อง "ลำร้องต่อกลอนเทคโนโลยีอวกาศ" 

    นักเรียนแต่ละคนให้ความสำคัญในการแสดงครั้งนี้มาก แต่ละคนต่างให้เพื่อนๆ แต่งหน้าหน้าให้ โดยที่ไม่เขินอาย ทุกคนต่างมีความสุข มีรอยยิ้ม ในกิจกรรมในครั้งนี้มาก..

เล่าเรื่องผ่านภาพ..

 พี่ลาร์ค 
รับบทการแสดงเป็นนักเต้นประกอบเพลงในกลุ่มของผู้ชาย คนรับแต่งหน้าอันหล่อเหลาเอาการขนาดนี้คือ พี่ช้างกับครูป้อม(เสริมนิดหน่อย..)

 พี่เอิร์ธ 
รับบทเป็นตากล้องถ่ายภาพนำเสนอข่าวการเกิดปรากฎการณ์ที่แปลกประหลาดในหมูบ้านหนองปลาดุก โดยที่พี่แนนกับพี่รักเป็นพิธีกร พี่เอิร์ธกลับถึงบ้านก่อนวันที่มีการแสดงเขานั่งทำกล้องภาพนำเสนอเกือบถึง 4 ทุ่มเลย คุณแม่พี่เอิร์ธบอกมา และเขาก็แต่งหน้าอันหล่อเหลาขนาดนี้ด้วยตัวเองนะครับ..

กลุ่มนักแสดงเฮฮาน่ารักเหลือหลาย พี่รัก พี่แนน พี่ปุ๊ก และพี่เดียว 
ทุกคนต่างมี..รอยยิ้มแห่งความสุข..

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ท้องทุ่งแห่งการเรียนรู้...

   ท้องทุ่งนาที่เขียวขจีในวันที่แสงแดดอ่อนๆ รำไร ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาขออาสาช่วยใส่ปุ๋ยให้ต้นข้าว ที่ท้องทุ่งนาโรงเรียน ที่พวกเราๆ ทั้งเด็กนักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู และคุณลุงที่ดูแลสวน ได้ช่วยกันลงมือปักดำพี่ต้นข้าวเอาไว้ จากต้นกล้าเล็กๆ กลายมาเป็นต้นข้าวที่เติบใหญ่สมบูรณ์เช่นดังวันนี้..

   ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ 
นี้คือความรัก ความสามัคคี ร่วมกันทำความดี
เพื่อโรงเรียนของเรา..

   นอกจากนาข้าวแล้ว โรงเรียนของเรายังมีพี่หมูป่าด้วยนะ พี่หมูป่าที่เราเลี้ยงไว้นานหลายปี ตอนนี้ออกลูก ออกหลาน ออกมามากมายหลายตัวนับไม่ถ้วน ตัวเล็กๆ เพิ่งคลอดออกมามีริ้วลายน่ารักคล้ายลูกแตงไทย เพลินตายามมอง  พี่หมูป่าอ้วนถ้วนสมบูรณ์ทุกตัว เพราะช่วยกินเศษอาหารที่เหลือจากที่เรารับประทานของทุกๆวัน

   วิถีคนหรือสัตว์ไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก
แตกต่างเฉพาะมุมมองของคนเรานั้นเอง
หมูมีวิถีชีวิตของหมู คนก็ย่อมมีวิถีชีวิตของคน
สุดท้ายทั้งคนและหมู ก็จะกลับหวนคืนสู่ดิน เช่นเดียวกัน...