วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกี่ยวข้าว...เกี่ยวพลังสามัคคี


ทุ่งรวงทอง อร่ามตา นาผืนนี้
แต่งแต้มสี เหลืองอร่าม งามนักหนา
รวงสีทอง โค้งเอียง เรียงเม็ดมา
รอคอยท่า คมเคียวตัด ตวัดไว

  มือหนึ่งรวบ มือหนึ่งตัด ให้ต้นขาด
แล้วก็วาด มือเกี่ยว เอี้ยวตัวไหว
เกี่ยวๆ วาง รวมๆ เป็นฟ่อนไว้
ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กน้อย คอยช่วยกัน



 
แม้นไม่มี เคียวเกี่ยว มือน้อยยังช่วยเด็ด
ไม่นานเสร็จ ลุล่วง ดั่งใจฝัน
ด้วยพลัง สามัคคี ที่ลงขัน
ลงแขกกัน เกี่ยวข้าว เราสุขใจ





 "น้ำไหมครับ น้ำไหมคะ" เสียงร้องทัก
เด็กน่ารัก บริการ ดื่มน้ำไหม
น้ำเย็นๆ ไอติมพร้อม อย่างเร็วไว
ส่งมาให้ ด้วยหัวใจ บริการ



เสียงปี่ ซังข้าวน้อย ดังเซ็งแซ่
พ่อกับแม่ ตายาย ทำให้หลาน
เสียงปี่นั้น ฟังแล้ว ช่างสำราญ
เสียงขับขาน ปี่ดัง ฟังผ่อนคลาย

เสร็จจากนา พากัน นั่งพักผ่อน
ให้หายร้อน หายเหนื่อย เมื่อยจางหาย
ขอบคุณ "พลังสามัคคี" ที่มากมาย
ขอบคุณกาย ขอบคุณใจ ที่ร่วมกัน


*วันเกี่ยวข้าว 18 พฤศจิกายน 2553 ณ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา*

"ขอบคุณทุกพลังกาย ทุกพลังใจ ที่ได้ร่วมกันในวันนี้" 

 

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลมพัดไหว ใจหวนนึก....๒


ออกล่า
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับเจ้าจิโป่มจากคราวที่แล้ว  คราวนี้เราจะออกตามล่าหาจิโป่มกันนะครับ 

วิธีการล่าหาตัวจิโป่มนั้น มีทั้งกลางคืนและกลางวันครับ
กลางคืน จะใช้ไฟส่องตามเสียงร้องของมันครับ แต่ต้องให้เบาและเงียบมากที่สุดครับ เมื่อเจอตัวก็จับใส่ข้อง
กลางวัน ส่วนใหญ่ก็มักใช้เสียมขุดหรือเอาน้ำกรอกเพื่อให้มันคลานขึ้นมาจากรู (จิโป่ม ไม่ชอบน้ำ)  

ผมชอบหาจิโป่มตอนกลางวันมากกว่าครับ 

แต่ก่อนออกเดินทางตามล่าหาจิโป่มนั้น เราก็ต้องเตรียมหาเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญก่อน ซึ่งก็ประกอบด้วย
เสียม เอาไว้ขุด
ข้อง หรือ ถัง หรือ ขวดพลาสติก เอาไว้ใส่ตัวจิโป่ม
และขวดน้ำดื่ม เอาไว้ดื่มยามกระหายให้คลายเมื่อย

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อม เราก็ออกเดินทางได้แล้วครับ....

การหาจิโป่มให้สังเกตรูของมันจากขวย (กองดินที่นูนขึ้นมานิดๆ ) ซึ่งขวยจิโป่มบางรูจะเป็นกองขวยขนาดพูนเท่าฝ่ามือ หรือเป็นขวยเล็กๆ อุดรูไว้เท่านั้น  ซึ่งพบได้ตามคันนา ทุ่งหญ้า ใต้ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งบริเวณบ้านเรือน  
โดยปกติรูที่พบจะลึกประมาณ 12  ช่วงศอก  แต่ถ้าฝนตกหรือหน้าฝน รูของมันจะตื้นขึ้นมาอีกเท่าตัว ใช้เสียมขุดแป๊บๆ ก็ได้ตัวแล้ว บางทีนะหากโชคดีหน่อยก็จะได้ถึง 2 ตัวในรูหนึ่งทีเดียวเลยล่ะ
เวลาขุดเราจะถากขวยจิโป่มด้วยเสียมเพื่อหารูของมันก่อน จากนั้นจึงค่อยขุดตามรูไป รูมันจะใหญ่ขึ้นและเล็กลงๆ นั่นแสดงว่าใกล้เจอตัวมันแล้ว การขุดตอนนี้จะต้องระมัดระวังมือ อ่อนแรงในการขุดอีกนิด เพราะเสียมอาจถูกตัวมันขาดได้ แต่บางทีมันจะมีรูหลอกซึ่งทำให้เราหลงได้ เมื่อขุดไล่มันไปเรื่อยๆ หากเราเอานิ้วแหย่ไปในรู เราจะสัมผัสถึงหนามที่ขาหลังมัน เราก็จะเอาเสียมขูดดินอย่างแผ่วเบาแล้วจะเห็นตัวมันมุดอยู่ในรู เราก็ใช้มือดึงขาหลังมันออกมาอย่างแผ่วเบา ตอนนี้ต้องระวังเพราะอาจโดนขามันดีดและโดนกัดได้ แต่มันไม่เจ็บมากหรอก
จากการได้ลงมือขุดจิโป่ม เราอาจจะได้จิโป่มแก่ตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้ม ปีกยาวใหญ่ หรือตัวเล็กสีน้ำตาลอ่อน ปีกยังไม่ยาวดีนัก ก็แล้วแต่วาสนานะ เมื่อเห็นตัวแล้วให้จับตัวมันยัดใส่รูข้อง ถัง หรือขวดพลาสติก อย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นมันอาจกระโดดหลุดมือไปได้ง่ายๆ พาลต้องเสียเวลาในการตามจับอีก จากนั้นก็เมียงมองหาขวยต่อไป
การออกล่าขุดหาจิโป่มจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้จำนวนมากพอตามที่ต้องการ จึงค่อยกลับบ้าน

ขอตัวไปขุดจิโป่มต่อก่อนนะครับ แล้วเราจะได้จิโป่มไปทำอาหารกัน....

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปีบ...


ขาว ขาว บานและตูม แย้มแซม
ระย้า แลแอร่ม ดูแช่มช้อย
โรยระริน  กลิ่นยวน ชวนให้คล้อย
ไม่มาก ไม่น้อย ช่วยผ่อนคลาย

ยามเจ้าโปรย จากต้น หล่นลงดิน
ยังคงกลิ่น หอมหอม ไม่รู้หาย
ดอกขาว บนหญ้าเขียว แต้มประปราย  
งามง่ายๆ แบบดอกปีบ รีบเก็บมา

นำมาปัก มาเหน็บ เก็บความหอม  
ยามดมดอม หอมกรุ่น อบอุ่นหนา
อยากจะเก็บ ให้สดไว้ ตลอดมา   
แต่เวลา พาให้แห้ง เหี่ยวเฉาลง

นี่แหละหนอ ความเป็นธรรมชาติ
ไม่มีสิ่งใด ประกาศ ความยืนยง
ในบางครา ดูแสน จะมั่นคง
แต่ต้องร่วง หล่นลง อนิจจา