วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กีฬา...ฮาเฮ



เสียงเชียร์ก้อง ดังมาว่า สู้ๆ
เหล่าน้องหนู ตัวน้อย ตื่นเต้นหนา
ต่างจูงมือ เดินตาม กันเข้ามา
แข่งกีฬา ฮาเฮ ร่วมด้วยกัน



เสียงปรบมือ ร้องเพลง สนุกสนาน
ในวันงาน กีฬา เสียงร้องลั่น
เขียว เหลือง แดง และฟ้า ต่างแข่งขัน
ด้วยมุ่งมั่น ตั้งใจ ในหน้าที่
เตะบอล เข้าประตู เสียงเชียร์ลั่น
เติมสีสัน ครื้นเครง ในวันนี้
การกีฬา แสนสนุก ด้วยยินดี
สีทุกสี เริงรื่น ชื่นอุรา


เรามาแข่ง มาเชียร์ ด้วยใจชื่น
ยิ้มระรื่น ยินดี เป็นนักหนา
สีไหนแข่ง สีไหน ได้ชัยมา
เราก็ร่วม เฮฮา อย่างยินดี



ลูกบอลโยน ทิ้งลง ในตะกร้า
ต่างเฮฮา เสียงเชียร์ แสนสุขขี
แข่งกีฬา มีน้ำใจ เป็นสิ่งดี
ขอบคุณที่ ร่วมเชียร์กัน วันกีฬา


...การกีฬาเล็กๆ แต่ก็ยิ่งใหญ่ในหัวใจเด็กๆ ...

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บันทึกเล่มเล็ก...ของน้องเล็กอนุบาล 1


ยามเย็น ของวันหนึ่ง
เด็กหญิงตัวน้อย อนุบาล 1
หยิบสมุดเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง
แล้วเดินมาหาคุณครูของเธอ

"ครูขา หนูวาดภาพมาให้ดูค่ะ"
ว่าแล้ว เด็กหญิงตัวน้อย ก็เริ่มต้นการเปิดสมุด พร้อมกับบอกเล่า
"หน้านี้ หนูวาดภาพ..... มีเรื่องดังนี้ค่ะ...."








 

เสียงบอกเล่าของเด็กน้อย ดังเจื้อยแจ้วผสมกับเสียงหัวเราะในบางครั้ง
ดูเหมือนเด็กหญิงมีความสุขยิ่งนักที่ได้บอกเล่าผลงานของเธอให้คนอื่นได้รับรู้

ไม่เพียงเด็กน้อยหรอกนะ ที่มีความสุข


เพื่อนๆ ของเธอก็มีความสุข ที่ได้ฟังเรื่องราวน่ารักๆ พร้อมลีลาเส้นของภาพวาดที่น่ารักเช่นกัน

ครูเองก็มีความสุข... ที่ได้เห็นพัฒนาการแห่งจินตนาการของนักเขียนและนักเล่า กำลังเปล่งประกาย งอกงาม ของลูกศิษย์ตัวน้อย...



"จินตนาการ โบกบิน พริ้วไหว
เริ่มต้น ผลิใบ งอกงาม
แตกหน่อ ต่อยอด ได้ทุกยาม
งดงาม เติมต่อ ด้วยหัวใจ

จินตนาการ โบกบิน ไม่รู้จบ
พานพบ สานต่อ เติมได้
เกิดก่อ เรื่องราว ใหม่ๆ
เติมต่อ ต้นจินตนาการ ให้งอกงาม"

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกี่ยวข้าว...เกี่ยวพลังสามัคคี


ทุ่งรวงทอง อร่ามตา นาผืนนี้
แต่งแต้มสี เหลืองอร่าม งามนักหนา
รวงสีทอง โค้งเอียง เรียงเม็ดมา
รอคอยท่า คมเคียวตัด ตวัดไว

  มือหนึ่งรวบ มือหนึ่งตัด ให้ต้นขาด
แล้วก็วาด มือเกี่ยว เอี้ยวตัวไหว
เกี่ยวๆ วาง รวมๆ เป็นฟ่อนไว้
ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กน้อย คอยช่วยกัน



 
แม้นไม่มี เคียวเกี่ยว มือน้อยยังช่วยเด็ด
ไม่นานเสร็จ ลุล่วง ดั่งใจฝัน
ด้วยพลัง สามัคคี ที่ลงขัน
ลงแขกกัน เกี่ยวข้าว เราสุขใจ





 "น้ำไหมครับ น้ำไหมคะ" เสียงร้องทัก
เด็กน่ารัก บริการ ดื่มน้ำไหม
น้ำเย็นๆ ไอติมพร้อม อย่างเร็วไว
ส่งมาให้ ด้วยหัวใจ บริการ



เสียงปี่ ซังข้าวน้อย ดังเซ็งแซ่
พ่อกับแม่ ตายาย ทำให้หลาน
เสียงปี่นั้น ฟังแล้ว ช่างสำราญ
เสียงขับขาน ปี่ดัง ฟังผ่อนคลาย

เสร็จจากนา พากัน นั่งพักผ่อน
ให้หายร้อน หายเหนื่อย เมื่อยจางหาย
ขอบคุณ "พลังสามัคคี" ที่มากมาย
ขอบคุณกาย ขอบคุณใจ ที่ร่วมกัน


*วันเกี่ยวข้าว 18 พฤศจิกายน 2553 ณ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา*

"ขอบคุณทุกพลังกาย ทุกพลังใจ ที่ได้ร่วมกันในวันนี้" 

 

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลมพัดไหว ใจหวนนึก....๒


ออกล่า
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับเจ้าจิโป่มจากคราวที่แล้ว  คราวนี้เราจะออกตามล่าหาจิโป่มกันนะครับ 

วิธีการล่าหาตัวจิโป่มนั้น มีทั้งกลางคืนและกลางวันครับ
กลางคืน จะใช้ไฟส่องตามเสียงร้องของมันครับ แต่ต้องให้เบาและเงียบมากที่สุดครับ เมื่อเจอตัวก็จับใส่ข้อง
กลางวัน ส่วนใหญ่ก็มักใช้เสียมขุดหรือเอาน้ำกรอกเพื่อให้มันคลานขึ้นมาจากรู (จิโป่ม ไม่ชอบน้ำ)  

ผมชอบหาจิโป่มตอนกลางวันมากกว่าครับ 

แต่ก่อนออกเดินทางตามล่าหาจิโป่มนั้น เราก็ต้องเตรียมหาเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญก่อน ซึ่งก็ประกอบด้วย
เสียม เอาไว้ขุด
ข้อง หรือ ถัง หรือ ขวดพลาสติก เอาไว้ใส่ตัวจิโป่ม
และขวดน้ำดื่ม เอาไว้ดื่มยามกระหายให้คลายเมื่อย

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อม เราก็ออกเดินทางได้แล้วครับ....

การหาจิโป่มให้สังเกตรูของมันจากขวย (กองดินที่นูนขึ้นมานิดๆ ) ซึ่งขวยจิโป่มบางรูจะเป็นกองขวยขนาดพูนเท่าฝ่ามือ หรือเป็นขวยเล็กๆ อุดรูไว้เท่านั้น  ซึ่งพบได้ตามคันนา ทุ่งหญ้า ใต้ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งบริเวณบ้านเรือน  
โดยปกติรูที่พบจะลึกประมาณ 12  ช่วงศอก  แต่ถ้าฝนตกหรือหน้าฝน รูของมันจะตื้นขึ้นมาอีกเท่าตัว ใช้เสียมขุดแป๊บๆ ก็ได้ตัวแล้ว บางทีนะหากโชคดีหน่อยก็จะได้ถึง 2 ตัวในรูหนึ่งทีเดียวเลยล่ะ
เวลาขุดเราจะถากขวยจิโป่มด้วยเสียมเพื่อหารูของมันก่อน จากนั้นจึงค่อยขุดตามรูไป รูมันจะใหญ่ขึ้นและเล็กลงๆ นั่นแสดงว่าใกล้เจอตัวมันแล้ว การขุดตอนนี้จะต้องระมัดระวังมือ อ่อนแรงในการขุดอีกนิด เพราะเสียมอาจถูกตัวมันขาดได้ แต่บางทีมันจะมีรูหลอกซึ่งทำให้เราหลงได้ เมื่อขุดไล่มันไปเรื่อยๆ หากเราเอานิ้วแหย่ไปในรู เราจะสัมผัสถึงหนามที่ขาหลังมัน เราก็จะเอาเสียมขูดดินอย่างแผ่วเบาแล้วจะเห็นตัวมันมุดอยู่ในรู เราก็ใช้มือดึงขาหลังมันออกมาอย่างแผ่วเบา ตอนนี้ต้องระวังเพราะอาจโดนขามันดีดและโดนกัดได้ แต่มันไม่เจ็บมากหรอก
จากการได้ลงมือขุดจิโป่ม เราอาจจะได้จิโป่มแก่ตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้ม ปีกยาวใหญ่ หรือตัวเล็กสีน้ำตาลอ่อน ปีกยังไม่ยาวดีนัก ก็แล้วแต่วาสนานะ เมื่อเห็นตัวแล้วให้จับตัวมันยัดใส่รูข้อง ถัง หรือขวดพลาสติก อย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นมันอาจกระโดดหลุดมือไปได้ง่ายๆ พาลต้องเสียเวลาในการตามจับอีก จากนั้นก็เมียงมองหาขวยต่อไป
การออกล่าขุดหาจิโป่มจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้จำนวนมากพอตามที่ต้องการ จึงค่อยกลับบ้าน

ขอตัวไปขุดจิโป่มต่อก่อนนะครับ แล้วเราจะได้จิโป่มไปทำอาหารกัน....

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปีบ...


ขาว ขาว บานและตูม แย้มแซม
ระย้า แลแอร่ม ดูแช่มช้อย
โรยระริน  กลิ่นยวน ชวนให้คล้อย
ไม่มาก ไม่น้อย ช่วยผ่อนคลาย

ยามเจ้าโปรย จากต้น หล่นลงดิน
ยังคงกลิ่น หอมหอม ไม่รู้หาย
ดอกขาว บนหญ้าเขียว แต้มประปราย  
งามง่ายๆ แบบดอกปีบ รีบเก็บมา

นำมาปัก มาเหน็บ เก็บความหอม  
ยามดมดอม หอมกรุ่น อบอุ่นหนา
อยากจะเก็บ ให้สดไว้ ตลอดมา   
แต่เวลา พาให้แห้ง เหี่ยวเฉาลง

นี่แหละหนอ ความเป็นธรรมชาติ
ไม่มีสิ่งใด ประกาศ ความยืนยง
ในบางครา ดูแสน จะมั่นคง
แต่ต้องร่วง หล่นลง อนิจจา


วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ยามเมื่อสายลมหนาว....มาเยือน

 
ลมโยกโบกสะบัดตวัดไหว
ลมเอ๋ยลมมาแต่ไหนไยโยกทั่ว
สายลมม้วนทักทายส่งเสียงรัว
วิ้ว วิ้ว วู้ ดังถ้วนทั่ว สะท้านกาย

ลมเอ๋ย ลมพัดไหว กายหนาวสั่น
หยิบเสื้อหนา สวมพลัน ผ่อนหนาวหาย
ผ่อนความหนาวความเย็นให้คลี่คลาย
ห่อหุ้มกาย ให้อุ่นไว้ อบอุ่นเอย

"แฟชั่นในวันที่อากาศหนาวค่ะ"

เปิดเรียนแล้วนะ

.....ตื่นเต้น และ ดีใจ จัง.....

ดีใจ...จะได้พบกัน
แสนสุขสันต์ ต่างยินดี
คุณครู เด็กๆ แสนสุขขี
พ่อแม่เปรมปรีดิ์ ต่างยินดีที่ได้มาเจอกัน

ยิ้มแย้ม รอยยิ้มที่สดใส
ยิ้มให้กันด้วยใจ ที่สุขสันต์
ถามข่าว ความเป็นไป เมื่อเจอกัน
เรื่องนั้น เรื่องนี้ ที่เจอมา

เรื่องราวมากมายถูกถ่ายทอด
อ้อมกอดอบอุ่น ที่คุ้นหนา
ยินดีต้อนรับการกลับมา
ร่วมสร้างร่วมพาสิ่งดีงาม

" เปิดเรียนสัปดาห์แรกของ Quarter 3 ปี 2553"

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำ...เดินทางไปไหน

น้ำ...ที่เคยไหลล้น
น้ำ...สีหม่นๆ เริ่มลดหาย
น้ำ...เจ้ากำลังจะจากไป
น้ำ...จะเดินทางไปไหน อยากรู้จัง

น้ำ...เดินทางไปเรื่อยๆ
น้ำ...ไหลเอื่อยๆ ทิ้งเบื้องหลัง
น้ำ...จากไป อยู่ที่ไหนนะ ฟากฝั่ง
น้ำ...ไหลไปยัง เป้าหมายใด ไม่รู้เลย

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำ...กำลังจะไป

จาก 19 ตุลาคม ที่น้ำมา
อาบผืนหญ้า ผืนดินที่โรงเรียน
สายน้ำไหล แวะมาพัก มาเยี่ยมเยียน
ที่โรงเรียน "ลำปลายมาศพัฒนา"

มาวันนี้ วันที่แสงแดดอุ่น
น้ำที่หนุน ค่อยๆ ลด วันที่ 25
เริ่มมองเห็นพื้นถนนที่คุ้นตา
น้ำที่เราแบ่งรับมาเริ่มลดลง

เมื่อ...น้ำ...มา


กลางเดือนตุลาคม สายฝนพร่างพรู
ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงค่ำ
ฝนสาด ฝนเซ เทกระหน่ำ
สายฝนพรำๆ ทั้งคืนและวัน

รุ่งเช้าของอีกวันใหม่
ตื่นมาตกใจ เอ๊ะ! อะไรนั่น
สายน้ำไหลรวมกันเร็วพลัน
ไหลบ่าถนนสายนั้นที่เคยเดิน

จากถนนที่เคยเดินอย่างเคยคุ้น
กลับมีปลาว่ายชุลมุน อย่างเพลิดเพลิน
น้ำมา ปลาสนุก ซะเหลือเกิน
ต้องเปลี่ยนทางเดิน หลบหลีกไป

สายน้ำเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ
เอื่อยๆ ช้าๆ ระยิบไหว
ลำปลายมาศพัฒนา ปล่อยน้ำไหล
เข้าโรงเรียนเร็วไว เพราะอยากแบ่งปัน

ไม่กั้นกระสอบทรายรายล้อม
ยินดีที่จะน้อมรับน้ำนั่น
หวังแบ่งเบา ทุกข์ภัย นี้ร่วมกัน
หวังอย่างนั้นด้วยตั้งใจ

ไหลมาเถิดนะ เหล่าสายน้ำ
ความบอบช้ำ เราพร้อมจะรับไว้
แบ่งปัน กันและกัน ด้วยเข้าใจ
พร้อมห่วงใย คนอยู่ปลายสายธารา

สายน้ำไหลเอื่อยๆ
อย่างเฉื่อยๆ และช้าๆ
ไหลผ่านคืนวัน เวลา
ไหลมา เพื่อไหลผ่านไป

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โรงเรียน...น้ำท่วม

กลางเดือนตุลาคม 2553
ช่วงที่ครูและนักเรียนปิดภาคเรียนที่ 1

   ทุกครั้งที่ดูข่าวในช่วงนี้หลายจังหวัดเกิดอุทกภัยน้ำท่วม หลายฝ่ายต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกันและกัน ได้เห็นบรรยากาศความรัก ความสามัคคี ของคนไทยด้วยกันอีกด้าน ในหลวงก็ได้พระราชทานเงินส่วนพระองค์ลงมาช่วยเหลือหลายพื้นที่ ทำให้ปวงชนที่ได้รับน้ำพระทัยจากพระองค์ท่านปลาบปลื้มปิติทั่วหน้า..

   โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์ ของเรา ก็หนีไม่พ้นน้ำท่วม น้ำเริ่มหนุนทะลักเข้าช่วงวันที่วันที่ 18 ตุลาคม ทำให้พื้นที่ของโรงเรียนหลายแห่งจมอยู่ใต้น้ำ แม้ว่าฝนเริ่มหยุดตกมาหลายวันแล้วก็ตาม..

ภาพบรรยากาศน้ำท่วมที่โรงเรียน

 บริเวณหน้าบ้านพักครูใหญ่
    ช่วงบ่ายโมงของวันที่ 17 ตุลาคม ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ผมคิดว่าน้ำคงจะท่วมหลายพื้นที่ของโรงเรียนแน่ๆ แต่พอฝนหยุดตก น้ำกับไม่มีเหลือไว้ท่วมเท่าที่ผมคิดเอาไว้ก่อนหน้า แต่พอมาถึงวันที่ 18 ตุลาคม ฝนตกปรอยๆ ทั้งวันแต่น้ำกลับเริ่มหนุนมาเรื่อยๆ น้ำทะลักเข้ามาด้านหลังบริเวณหน้าบ้านพักครูใหญ่..

 บริเวณถนนฝั่งบ้านพักคุณเจมส์(ผู้สนับสนุนงบประมาณโรงเรียน)
     ถนนด้านหลังของโรงเรียนน้ำหนุนเข้ามาเร็วกว่าทุกบริเวณ เพราะอยู่ใกล้คลองลำมาศ ทำให้คลองที่เหือดแห้งมาเกือบตลอดทั้งปีเอ่อล้นไปด้วยน้ำ..

ท้องทุ่งข้าวอันเขียวขจีของเรา
    ต้นข้าวที่กำลังออกร่วงข้าวอ่อนๆ และผักบุ้งมากมาย(แหล่งอาหารอร่อยๆ ของคุณครูหลายท่าน) ก็หนีไม่พ้นกับน้ำท่วมในครั้งนี้ รวมทั้งหมูป่าของเรา สัตว์ต่างๆ นานาในท้องทุ่งต่างว่ายน้ำ เล่นน้ำอย่างหรรษา บางชนิดร้องระงมตลอดทั้งคืน พวกเขาอาจจะขอบคุณกับน้ำท่วมในครั้งนี้..

 ทิวสน..ฝั่งรั้วอีกด้านของโรงเรียน
    ผมเคยเขียนเรื่องหมอกยามเช้าผ่านภาพนี้ แต่ก่อนนั้นพื้นถนนราบเรียบไปด้วยใบสนที่ปกคลุมถนน ขณะในภาพนนี้มีแต่น้ำที่ท่วมถนนที่ราบเรียบแต่ก่อน ต้นกล้วย ต้นฝรั่งและต้นมะเขือ ก็ต่างร่ายรำตามสายลมไหวมา เพียงแตกต่างกันที่..การเต้นรำคราวนี้ได้มองสะท้อนลีลาของต้นสนผ่านกระจกบานใหญ่จากธรรมชาติ..กระจกแห่งสายน้ำ

ด้านข้างบริเวณบ้านพักครูผู้หญิงและคีตนคร
    น้ำหนุนขึ้นโดยตลอดจากวันที่ 18 ตุลาคม จนถึงวันนี้น้ำก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด หนุนขึ้นมาที่ละน้อย ทีละน้อย เรื่อยๆ พี่หมูป่าและโรงรถของคุณครูก็ต้องย้ายหาที่อยู่ที่ปลอดภัย โดยรถต้องนำมาจอดไว้ในบริเวณลานจอดรถฝั่งอีกด้านของโรงเรียน ซึ่งบริเวณนี้น้ำยังหนุนมาไม่ถึง..

   จนถึงวันนี้ผมก็ยังได้ยินข่าวน้ำท่วมมีเพิ่มขึ้นทุกจังหวัด บางอำเภอถูกเรียกว่าเมืองบาดาลซึ่งผมฟังดูแล้วมันแรงมากกับความรู้สึก ผมเคยสัมผัสกับเหตุการณ์น้ำท่วมมาครั้งหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ทรมานมากกับการใช้ชีวิตให้เป็นปกติ แต่ครั้งนั้นทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะผ่านมันมาไม่ได้ แต่กลับผ่านมาได้..

  มีครูหลายท่านสงสัยว่าทำไมครูใหญ่ท่านถึงไม่สั่งให้คนงานที่โรงเรียนฯ ขนกระสอบทรายมากั้นบริเวณน้ำทะลักเข้ามาและบริเวณบ้านพักต่างๆ ทุกหลัง ครูใหญ่ท่านโพสรูปน้ำท่วมและข้อความอธิบายไว้ว่า "กลางเดือนตุลาคม น้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัด มีคนจำนวนมากมายได้รับความเดือดร้อน เช้าวันที่ 21 ตุลาคม 2553 น้ำได้เอ่อท่วมโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา เราไม่ได้กั้นกระสอบทราย ด้วยหวังว่าน้ำทุกลูกบาศก์เมตรที่เรารับไว้จะช่วยลดความรุนแรงให้กับคนที่อยู่ปลายน้ำได้บ้าง ** เราอยากร่วมรับทุกข์นั้นไว้ด้วย **"

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แสดงละคร "หงายกะลา ' 53" ...

7 ตุลาคน 2553
วันสรุปงานสิ้นภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553

    นักเรียนแต่ละระดับชั้นประถมศึกษาแต่งตัวเตรียมทำกิจกรรม แต่ละชั้นจัดคิวการแสดงที่แตกต่างกัน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นำเสนอการแสดงในท้องเรื่อง "ลำร้องต่อกลอนเทคโนโลยีอวกาศ" 

    นักเรียนแต่ละคนให้ความสำคัญในการแสดงครั้งนี้มาก แต่ละคนต่างให้เพื่อนๆ แต่งหน้าหน้าให้ โดยที่ไม่เขินอาย ทุกคนต่างมีความสุข มีรอยยิ้ม ในกิจกรรมในครั้งนี้มาก..

เล่าเรื่องผ่านภาพ..

 พี่ลาร์ค 
รับบทการแสดงเป็นนักเต้นประกอบเพลงในกลุ่มของผู้ชาย คนรับแต่งหน้าอันหล่อเหลาเอาการขนาดนี้คือ พี่ช้างกับครูป้อม(เสริมนิดหน่อย..)

 พี่เอิร์ธ 
รับบทเป็นตากล้องถ่ายภาพนำเสนอข่าวการเกิดปรากฎการณ์ที่แปลกประหลาดในหมูบ้านหนองปลาดุก โดยที่พี่แนนกับพี่รักเป็นพิธีกร พี่เอิร์ธกลับถึงบ้านก่อนวันที่มีการแสดงเขานั่งทำกล้องภาพนำเสนอเกือบถึง 4 ทุ่มเลย คุณแม่พี่เอิร์ธบอกมา และเขาก็แต่งหน้าอันหล่อเหลาขนาดนี้ด้วยตัวเองนะครับ..

กลุ่มนักแสดงเฮฮาน่ารักเหลือหลาย พี่รัก พี่แนน พี่ปุ๊ก และพี่เดียว 
ทุกคนต่างมี..รอยยิ้มแห่งความสุข..

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ท้องทุ่งแห่งการเรียนรู้...

   ท้องทุ่งนาที่เขียวขจีในวันที่แสงแดดอ่อนๆ รำไร ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาขออาสาช่วยใส่ปุ๋ยให้ต้นข้าว ที่ท้องทุ่งนาโรงเรียน ที่พวกเราๆ ทั้งเด็กนักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู และคุณลุงที่ดูแลสวน ได้ช่วยกันลงมือปักดำพี่ต้นข้าวเอาไว้ จากต้นกล้าเล็กๆ กลายมาเป็นต้นข้าวที่เติบใหญ่สมบูรณ์เช่นดังวันนี้..

   ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ 
นี้คือความรัก ความสามัคคี ร่วมกันทำความดี
เพื่อโรงเรียนของเรา..

   นอกจากนาข้าวแล้ว โรงเรียนของเรายังมีพี่หมูป่าด้วยนะ พี่หมูป่าที่เราเลี้ยงไว้นานหลายปี ตอนนี้ออกลูก ออกหลาน ออกมามากมายหลายตัวนับไม่ถ้วน ตัวเล็กๆ เพิ่งคลอดออกมามีริ้วลายน่ารักคล้ายลูกแตงไทย เพลินตายามมอง  พี่หมูป่าอ้วนถ้วนสมบูรณ์ทุกตัว เพราะช่วยกินเศษอาหารที่เหลือจากที่เรารับประทานของทุกๆวัน

   วิถีคนหรือสัตว์ไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก
แตกต่างเฉพาะมุมมองของคนเรานั้นเอง
หมูมีวิถีชีวิตของหมู คนก็ย่อมมีวิถีชีวิตของคน
สุดท้ายทั้งคนและหมู ก็จะกลับหวนคืนสู่ดิน เช่นเดียวกัน...

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

หมอกยามเช้า...

หมอกยามเช้าตรู่ที่หลายคนกำลังนอนหลับอย่างสบายอุรา
กับเตียงนอนนุ่มๆ ผ้าห่มอุ่นๆ ห้องนอนที่แสนสุขใจของเรา

เวลาประมาณตี 5 กว่าๆ ยามเช้าของวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2553
เด็กๆ ป.3, ป.6 และคุณครูต่างร่วมกันเดินสำรวจรอบๆ บริเวณโรงเรียนอย่างสุขใจ
หลังจากกิจกรรมดูดาวยามเช้าเวลาตี 4 กับพี่ๆ ชมรมดาราศาสตร์และอวกาศ มทส.

ต้นสน ต้นกล้วยรอบๆ รั้วของโรงเรียน พัดโบกสบัดช้าๆ รับสายลมอันแผ่วเบาพัดโชยมา..

ท้องทุ่งนาที่เราลงมือปลูกข้าวด้วยกันทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ในยามเช้าเช่นนี้
กำลังเต้นระบำ ร่ายรำกับไอหมอก หยอกล้อกันท่ามกลางอ้อมกอดของอากาศที่เย็นสบายๆ

พวกเราได้สัมผัสอากาศที่สดชื่น สบายอุราทุกลมหายใจเข้า-ออก..

ขอขอบคุณอุ่นไอจากหมอกยามเช้ามากๆ ครับ...

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ครูของหนู...ผู้ปกครองอาสา

พ่อแม่ ผู้ปกครองที่น่ารัก
เสียสละเวลาที่มีค่านัก มาเยี่ยมหนู
ที่โรงเรียน พ่อและแม่ มาเป็นครู
พวกหนูๆ ต่างตื่นเต้น แสนยินดี

มีเรื่องเล่า เรื่องเก่าแห่งความหลัง
เล่าให้ฟัง หัวเราะร่วน ด้วยสุขขี
ได้ความรู้มากมาย สาระดี
ที่ไม่มีในวันนี้ ที่เป็นอยู่

ก่อนแต่ครั้ง... นิทานแสนสนุก
ตายายปลุก เรื่องเก่าๆ ให้เรารู้
เรื่องชีวิต เรื่องการงาน ต่างพร่างพรู
ถ่ายทอดสู่ ลูกหลาน ด้วยหัวใจ

ทั้งงานบ้าน งานเรือน ทำอาหาร
งานจักสาน งานนา ว่ากันไป
ตามถนัด ความสามารถ ของใครๆ
แต่พวกหนู ก็สนใจ สิ่งได้ฟัง

บางครั้งได้ลงมือ สนุกนัก
ยิ่งประจักษ์ ความรู้เพิ่ม เติมความหวัง
ลูกหลานยิ้ม พ่อแม่สุข เพิ่มพลัง
อยากให้มา หลายๆครั้ง หนูขอบคุณ

...........**************............

ขอบคุณโครงการดีๆ "ผู้ปกครองอาสา" ที่ทำให้พวกหนูๆ และผู้ปกครองได้มาเรียนรู้ร่วมกัน

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

เจ้าเต่าทอง...



ตรงร่มไผ่ ข้างห้อง ของปอหนึ่ง 
เป็นที่ซึ่ง น่าสนใจ เป็นนักหนา
เด็กๆ น้อย ต่างเฝ้าคอย วันเวลา
ที่จะมา มองหา สิ่งมหัศจรรย์

มีอะไร น่าสนใจ ชวนจดจ่อ
เด็กเฝ้ารอ เวลาว่าง อย่างตั้งมั่น
พักเมื่อไร เร็วพวกเรา ไปดูกัน
ดูซิดู ดูนั่น น่ารักจัง

ตัวเล็กๆ ลายๆ มีจุดๆ
วิ่งลงมุด ซ่อนหลบ บ้างหงายหลัง
ดูท่าที วิ่งหนี สิน่าชัง
เด็กๆ หวัง อยากดูเจ้า แมลงเต่าทอง

บ้างตัวเหลือง บ้างตัวส้ม น่าชมยิ่ง
น่ารักจริง อยากจับไว้ เป็นเจ้าของ
แต่เมื่อคิด พิจารณา อย่างไตร่ตรอง
ปล่อยเจ้าท่อง ธรรมชาติ ดีนักแล


....คุณครูครับ ผมอยากดูแมลงเต่าทอง....

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ไหว้ ไหว้ ไหว้ ยิ้มทักทายกัน...

ไหว้ ไหว้ ไหว้ ยิ้มทักทายเมื่อพบเจอกัน..


การไหว้ด้วยความรักของนักเรียนโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาที่มีให้กัน ไม่ว่าจะเป็นการทักทายตอนเช้า ตอนเย็น สิ่งที่งดงามที่ส่งให้กันระหว่างฉันกับเธอก็คือ รอยยิ้ม..

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม กันให้เยอะๆ หน่อยเถอะหนา..
เพื่อส่งความรักที่ยั้งยื่นให้แก่กันและกัน

แสงตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า รอยยิ้มยังส่งมอบให้กันและกันได้เสมอ
ความรัก บางทีเกิดจากรอยยิ้มเพียงน้อยนิด
การให้อภัย บางทีเกิดจากรอยยิ้มเพียงน้อยนิด

การรู้จักมอบความรักแด่สรรพสิ่งที่งดงาม ก็คือ การที่เรามองเห็นคุณค่าของทุกสิ่งทุกอย่าง แม้สิ่งนั้นคนส่วนมากมองไม่เห็นคุณค่า แต่ถ้าเรามองเห็นคุณค่าในสิ่งนั้น แสดงว่าความรักในความงามก็เกิดขึ้นในจิตใจของคนๆ นั้นแล้ว...


วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำตา...

ไหลๆ หยาดหยด รดแก้ม
ดวงตาที่เคยแจ่ม มีน้ำใส
หยาดหยด พร่างพรู หลั่งไหล
ไม่สบายใจ เรื่องใด หนอเด็กเอย

เจ็บโน่น เจ็บนี่ เจ็บที่ไหน
เสียใจ ด้วยเหตุใด ช่วยเฉลย
ไม่สบาย หรือไร ช่วยเอื้อนเอ่ย
เฉลย บอกครู ให้รู้ที

สะอื้นร่ำ เปรียบปาน ว่าเจ็บหนัก
เสียใจ ยิ่งนัก หรือไรนี่
ลูกศิษย์ตัวน้อย พลอยโศกี
จึงร่ำไห้ เช่นนี้ หนอพ่อ (แม่) คุณ

เสียงร้อง งอแง พาใจหวั่น
เอื้อมมือ โอบกอดพลัน สร้างอบอุ่น
ปลอบโยน คลายเศร้า อย่างละมุน
น้ำตาอุ่นๆ ค่อยเลือนหายไป

ตาแดง ตาก่ำ ด้วยร่ำร้อง
หน้าตา เศร้าหมอง ไม่สดใส
ล้างหน้า สักหน่อย จะดีไหม
ห่วงใย เจ้าดอก ลูกศิษย์จ๋า

เช็ดเถิดนะ เช็ดน้ำตา ให้หยุดไหล
สองมือน้อยปาดไว หมดน้ำตา
เปลี่ยนเป็นยิ้ม สวยสด ชื่นอุรา
หมดน้ำตา หมดทุกข์ ยิ้มสุขเอย.....

บันทึกความสุข...

ทุกวันศุกร์ในวันเปิดเรียน ณ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์
นักเรียนประถมทุกระดับชั้นจะได้รับการบ้านจากคุณครู คือ "บันทึกความสุข"

       ในวันเสาร์-อาทิตย์ นักเรียนทุกคนต่างก็จะมีเรื่องเล่าสู่กันฟังและงานที่นักเรียนได้ทำก็คือ เขียนบอกความสุข ความเป็นอยู่ของนักเรียน ประสบการณ์ต่างๆ นานา ที่ได้รับเพิ่มจากสรรพสิ่งรอบๆ ตัวของเขา เขียนเล่าเรื่องผ่านประสบการณ์จริงในขณะของช่วงอายุของนักเรียนแต่ละคนเอง..


เรื่องราวประทับใจบางส่วน.. "จากปลายปากกานักเขียนรุ่นเยาว์"

รูปวาดสวยๆ คุณครูประจำชั้นของหนู..
หนูเขียนลงบันทึกความสุข ให้คุณครูดู
ความงามของภาพ ช่างซ่อนเร้นฝั่งลึกลงในภาพวาดนี้
บ่งบอกความหมายโดยนัย จากใจของพี่นุ...

 <<ผลงานของ..
เด็กชายเจนวัฒน์ พูนศรี (พี่นุ) ชั้น ป.6


ครูสอนที่หน้ากระดาน นักเรียนนั่งเหลียวมอง..
หนูเขียนสื่อมาเป็นภาพให้คุณครูรับรู้ จากความรู้สึกของหนูจริงๆ
คุณครูสอนล่วงเลยเวลามาจริงๆ หนูๆ ขอเสนอเหตุผลติงนิดๆ
สะท้อนความรู้สึกที่ได้รับ พร้อมกับใจความน่ารักของนักเรียน...

ผลงานของ..>>
เด็กชายมงคลชัย บ่อไทย (พี่แทน) ชั้น ป.6

กลั่นกรองจากใจหนู เขียนมาสู่ครูประจำชั้นอ่าน..
ทุกข้อเขียน บทกลอนที่เรียนมา จับปลายปากกาเขียนให้ครู
กลอนของหนูไพเราะจับใจครู ขอบคุณหนูๆ ที่ถ่ายทอดสะท้อนกลับมาสอน
ครูจะจดจำความนัย ในบทกลอน นำมาเล่าสอนตนเมื่อจากลา...

"ทุกสรรพสิ่งล้วนต้องมีการจากลา แต่ขึ้นอยู่กับว่าสรรพสิ่งนั้นจะเลือกการจากลา หรือ เลือกการจากไป"
.
<<ผลงานของ..
เด็กหญิงอาทิตยา เพชรตะกั่ว (พี่กระเต็น) ชั้น ป.6